Puritan's Pride
Q-Sorb™ CO Q-10 100 mg / 60 Softgels
Co-Enzyme Q10 เป็นสารซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในไมโตคอนเดรีย (Mitochondria) ซึงไมโตคอนเดรียนี้ ทำหน้าที่ผลิตพลังงานให้แก่เซลล์โดยพลังงานดังกล่าวจะอยู่ในรูป ATP(Adenosine triphosphate) ซึ่งเป็นพลังงานพื้นฐานของเซลล์ หน้าที่หลักของ CoQ10 คือช่วยในการเร่งปฏิกิริยาภายในร่างกาย โดยตัวเอนไซม์เองไม่ถูกทำลาย หรือ ถูกเปลี่ยนแปลงเมื่อปฏิกิริยาดังกล่าวสิ้นสุดลง เนื่องจาก CoQ10 มีหน้าที่สำคัญในกระบวนการสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย ดังนั้นเมื่อระดับของ CoQ10 มีการเปลี่ยนแปลงไปก็จะส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆของร่างกาย ซึ่งอาจเปรียบเทียบ CoQ10 เป็นเสมือนกับ หัวเทียนรถยนต์ ซึ่งรถยนต์จะไม่สามารถวิ่งได้ถ้าปราศจากหัวเทียน
ในปัจจุบันพบว่า CoQ10 มีประโยชน์อย่างมากทั้งในเรื่องของการเป็นสารที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และช่วยในการป้องกันและรักษาโรคต่างๆ
เราสามารถพบ Co-Q10 ได้ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน เครื่องในสัตว์ ไข่ ถั่วเปลือกแข็ง ข้าวกล้อง และงา
ชื่อพ้อง: Coenzyme Q, Coenzyme Q10, CO Q10, Ubidecarenone, Ubiquinone 10
Class: จัดอยู่ในกลุ่ม antioxidant
กลไกการออกฤทธิ์
Coenzyme Q10 เป็น coenzyme ที่จำเป็นของร่างกายมีลักษณะคล้ายเป็นวิตะมิน มีโครงสร้างเหมือนวิตะมิน K โดยจะพบที่ในเยื่อหุ้มของ mitochondria ที่อยู่ที่หัวใจ ตับ ไต และตับอ่อน มีบทบาทสำคัญในการขนส่งอิเล็กตรอนใน mitochondria และการสร้าง adrenosine triphosphate (ATP) Coenzyme Q10 มีคุณสมบัติในการเป็น membrane stabilizing โดยตรงและเป็น antioxidant
ผลต่อหัวใจ มีประโยชน์ในการป้องกันการถูกทำลายของเซลในระหว่างที่เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและเพิ่ม reperfusion
ขนาดที่ใช้
ผู้ใหญ่
IV: ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ขนาด 50 – 100 mg ต่อวัน นาน 3-35 วัน เพื่อใช้ในการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวระดับรุนแรง (severe heart failure)
รับประทาน: Coenzyme Q10 โดยทั่วไปจะบรรจุอยู่ใน soft gelatin capsules ซึ่งยาจะละลายอยู่ในน้ำมันถั่วเหลือง (soybean oil)
- การรักษา chronic congestive heart failure ซึ่งได้รับ conventional therapy ร่วมด้วย รับประทานขนาด 50-150 mg ต่อวัน แบ่งให้ 2-3 ครั้งต่อวัน จากการศึกษาใช้ยาต่อเนื่องนานถึง 6 ปี
- การรักษา chronic stable angina รับประทานขนาด 150-600 mg ต่อวัน แบ่งให้ 2-3 ครั้งต่อวัน
- การใช้ยาก่อนการผ่าตัดหัวใจ โดยใช้ยารับประทาน 100 mg ต่อวัน นาน 14 วันก่อนการผ่าตัดและตามด้วยขนาด 100 mg ต่อวัน นาน 30 วันหลังการผ่าตัด
- การรักษา periodontal disease ใช้ขนาด 25 mg รับประทานวันละ 2 ครั้ง ขณะนี้ยังมีข้อมูลจำกัด
- การรักษา Huntington’s disease รับประทานขนาด 800-1200 mg ต่อวัน
- การใช้ป้องกัน migraine รับประทานขนาด 150 mg ต่อวัน โดย Coenzyme Q10 จะไปมีผลลดความถี่ของการปวดศีรษะแต่ไม่มีลดระดับความรุนแรงของการปวดศีรษะ
- การรักษา neurological disease (ที่เกี่ยวข้องกับการขาดการสร้าง mitochondrial ATP) รับประทานขนาด 150 mg หรือมากกว่า ต่อวัน
- การรักษา Parkinson’s disease รับประทานขนาด 800-1200 mg ต่อวัน โดย Coenzyme Q10 อาจไปมีผลทำให้การดำเนินของโรคพาร์กินสันช้าลง ในผู้ป่วยที่เพิ่งพบว่าป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน แต่ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาขนาดใหญ่เพิ่มเติม
เด็ก
ขนาดที่ใช้โดยทั่วไปรับประทาน 2.4 – 3.8 mg/kg/day
การรักษา mitochondrial encephalomyoparthy รับประทาน 30 mg ต่อวัน
ข้อห้ามใช้
ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่แพ้ Coenzyme Q10 หรือส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์
ข้อควรระวัง
- ระวังการใช้ในผู้ป่วยทางเดินน้ำดีอุดตัน
- ระวังการใช้ร่วมกับยาลดไขมันในเลือด (ระดับ Coenzyme Q10 ในเลือดจะมีระดับต่ำในผู้ป่วยที่มีระดับไขมันในเลือดสูง) และ HMG-CoA reductase inhibitors อาจมีผลยับยั้งการสร้างของ Coenzyme Q10 โดยธรรมชาติ เนื่องจาก HMG-CoA reductase ช่วยในการสร้าง Coenzyme Q10
- ระวังการใช้ร่วมกับยาลดระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากยาอาจไปยับยั้งผลของ Coenzyme Q10 ที่ได้รับเข้าไป
- ระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะอาจจะทำให้ลดความต้องการ insulin
- ระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ตับและไตทำงานผิดปกติ เพราะอาจจะเกิดการสะสมของ Coenzyme Q10 ในเลือด
เภสัชจลนศาสตร์
- onset: สำหรับการรักษา congestive heart failure รับประทานนาน 2 สัปดาห์ถึง 3 เดือนจึงจะเริ่มเห็นผลการตอบสนองการรักษา
- ระดับยาในเลือดที่ให้ผลในการรักษา (Therapeutic drug concentration):
Angina: 2.2 mcg/ml
Congestive heart failure: 2 – 2.5 mcg/ml หรือมากกว่า
ระดับยาปกติในเลือด 0.7 – 1 mcg/ml
- Time to peak: 5 – 10 ชั่วโมง (ในรูปแบบการรับประทาน)
- Bioavailability: ยาจะถูกดูดซึมอย่างช้า เนื่องจากน้ำหนักโมเลกุลมากและการละลายน้ำได้น้อย
- Distribution sites: ตับ หัวใจ ไต และตับอ่อน
- Metabolism: ถูก metabolized ที่ตับแต่ไม่ทราบปริมาณ
- Excretion: ถูกขับออกทางน้ำดี ไม่ทราบปริมาณ ทางอุจจาระ 60%
- Elimination half-life: 34 ชั่วโมง
อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา
- ผลต่อผิวหนัง: ผื่นแดงและคัน (< 0.5%)
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: คลื่นไส้ รู้สึกไม่สบายท้อง ท้องเสีย จุกแน่นท้อง และลดความอยากอาหาร (< 1%)
- ผลต่อระบบเลือด: พบ thrombocytopenia (ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ) 1 รายในผู้ป่วยที่ใช้ยา 16 รายในหนึ่งการศึกษา
- ผลต่อตับ: พบอาจเกิดความเป็นพิษต่อตับ โดยพบมีรายงานการเพิ่มขึ้นของระดับ aminotransferases ในเลือดในระดับต่ำ เมื่อมีการใช้ยาในขนาดสูง มีพบการใช้ในขนาด 300 mg ต่อวัน
- ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง: ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ พบน้อย
- ผลต่อตา: มีรายงานการเกิด photophobia (อาการกลัวแสง) ในระหว่างการใช้ Coenzyme Q10 ได้แต่พบน้อย
Drug interaction
Coenzyme Q10 - Antithrombin III Human, Heparin, Warfarin: ลดผล anticoagulant effect มีรายงานการทำให้ระดับ INR ลดลงในการใช้ Coenzyme Q10 ในผู้ป่วยที่ใช้ยา warfarin อยู่ เนื่องจาก Coenzyme Q10 และ vitamin K2 มีโครงสร้างเหมือนกัน ดังนั้นจึงควรระมัดระวังการใช้ร่วมกัน
รายการยาที่มีรายงานการเกิดปฏิกิริยาระหว่างกันกับ Coenzyme Q10 ได้แก่
Acenocoumarol, Ancrod, Anisindione, Antithrombin III Human, Bivalirudin, Danaparoid, Defibrotide, Dermatan Sulfate, Desirudin, Dicumarol, Fondaparinux, Heparin, Pentosan, Polysulfate Sodium, Phenindione, Phenprocoumon, Warfarin
หมายเหตุ
- สำหรับการใช้ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงยังมีข้อมูลจำกัด มีผู้ป่วยที่เป็น essential hypertension 26 รายได้รับ Coenzyme Q10 ขนาด 50 mg วันละ 2 ครั้ง หลังจาก 10 สัปดาห์ของการรักษาผู้ป่วยมีค่าเฉลี่ยของ systolic blood pressure ลดลงจาก 164.5 เป็น 146.7 mmHg และค่าเฉลี่ย diastolic blood pressure ลดลงจาก 98.1 เป็น 86.1 mmHg การลดลงของระดับความดันโลหิตเกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับการลด peripheral resistance แต่ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงระดับ rennin ในเลือด, ระดับโซเดียมและโพแทสเซียมในเลือดหรือในปัสสาวะ
- การใช้ Coenzyme Q10 เสริมในผู้ป่วยที่มีระดับไขมันในเลือดสูง ยังมีข้อมูลจำกัด ผลการใช้ Coenzyme Q10 ร่วมกับ HMG-CoA reductase inhibitors ผลพบว่าจะทำให้ระดับ Coenzyme Q10 ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น แต่ไม่มีผลลดระดับไขมันในเลือด
- มีการศึกษาแบบ Open, uncontrolled trial การใช้ใน Male infertility รับประทาน Coenzyme Q10 ขนาด 100 mg วันละ 2 ครั้ง จะช่วยเพิ่มการเคลื่อนที่ของ sperm แต่จะไม่เพิ่มระดับความเข้มข้นของ sperm หรือ morphology in infertile men with idiopathic asthenozoospermia จากการติดตามการใช้นาน 6 เดือน
- การใช้ใน pulmonary fibrosis พบ Coenzyme Q10 ช่วยเพิ่ม pulmonary function แต่ยังมีข้อมูลจำกัด โดยในการศึกษาใช้ Coenzyme Q10 ในผู้ป่วย COPD 21 ราย และ 9 รายในผู้ป่วย Idiopathic pulmonary fibrosis (IPF) ยาขนาด 90 mg ต่อวัน นาน 8 สัปดาห์
- การใช้ใน ventricular arrhythmia ยังมีข้อมูลจำกัด
ประโยชน์ของ CoQ10 ในรูปอาหารเสริม
เราสามารถพบ Co-Q10 ได้ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน เครื่องในสัตว์ ไข่ ถั่วเปลือกแข็ง ข้าวกล้อง และงา
ชื่อพ้อง: Coenzyme Q, Coenzyme Q10, CO Q10, Ubidecarenone, Ubiquinone 10
Class: จัดอยู่ในกลุ่ม antioxidant
กลไกการออกฤทธิ์
Coenzyme Q10 เป็น coenzyme ที่จำเป็นของร่างกายมีลักษณะคล้ายเป็นวิตะมิน มีโครงสร้างเหมือนวิตะมิน K โดยจะพบที่ในเยื่อหุ้มของ mitochondria ที่อยู่ที่หัวใจ ตับ ไต และตับอ่อน มีบทบาทสำคัญในการขนส่งอิเล็กตรอนใน mitochondria และการสร้าง adrenosine triphosphate (ATP) Coenzyme Q10 มีคุณสมบัติในการเป็น membrane stabilizing โดยตรงและเป็น antioxidant
ผลต่อหัวใจ มีประโยชน์ในการป้องกันการถูกทำลายของเซลในระหว่างที่เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและเพิ่ม reperfusion
ขนาดที่ใช้
ผู้ใหญ่
IV: ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ขนาด 50 – 100 mg ต่อวัน นาน 3-35 วัน เพื่อใช้ในการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวระดับรุนแรง (severe heart failure)
รับประทาน: Coenzyme Q10 โดยทั่วไปจะบรรจุอยู่ใน soft gelatin capsules ซึ่งยาจะละลายอยู่ในน้ำมันถั่วเหลือง (soybean oil)
- การรักษา chronic congestive heart failure ซึ่งได้รับ conventional therapy ร่วมด้วย รับประทานขนาด 50-150 mg ต่อวัน แบ่งให้ 2-3 ครั้งต่อวัน จากการศึกษาใช้ยาต่อเนื่องนานถึง 6 ปี
- การรักษา chronic stable angina รับประทานขนาด 150-600 mg ต่อวัน แบ่งให้ 2-3 ครั้งต่อวัน
- การใช้ยาก่อนการผ่าตัดหัวใจ โดยใช้ยารับประทาน 100 mg ต่อวัน นาน 14 วันก่อนการผ่าตัดและตามด้วยขนาด 100 mg ต่อวัน นาน 30 วันหลังการผ่าตัด
- การรักษา periodontal disease ใช้ขนาด 25 mg รับประทานวันละ 2 ครั้ง ขณะนี้ยังมีข้อมูลจำกัด
- การรักษา Huntington’s disease รับประทานขนาด 800-1200 mg ต่อวัน
- การใช้ป้องกัน migraine รับประทานขนาด 150 mg ต่อวัน โดย Coenzyme Q10 จะไปมีผลลดความถี่ของการปวดศีรษะแต่ไม่มีลดระดับความรุนแรงของการปวดศีรษะ
- การรักษา neurological disease (ที่เกี่ยวข้องกับการขาดการสร้าง mitochondrial ATP) รับประทานขนาด 150 mg หรือมากกว่า ต่อวัน
- การรักษา Parkinson’s disease รับประทานขนาด 800-1200 mg ต่อวัน โดย Coenzyme Q10 อาจไปมีผลทำให้การดำเนินของโรคพาร์กินสันช้าลง ในผู้ป่วยที่เพิ่งพบว่าป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน แต่ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาขนาดใหญ่เพิ่มเติม
เด็ก
ขนาดที่ใช้โดยทั่วไปรับประทาน 2.4 – 3.8 mg/kg/day
การรักษา mitochondrial encephalomyoparthy รับประทาน 30 mg ต่อวัน
ข้อห้ามใช้
ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่แพ้ Coenzyme Q10 หรือส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์
ข้อควรระวัง
- ระวังการใช้ในผู้ป่วยทางเดินน้ำดีอุดตัน
- ระวังการใช้ร่วมกับยาลดไขมันในเลือด (ระดับ Coenzyme Q10 ในเลือดจะมีระดับต่ำในผู้ป่วยที่มีระดับไขมันในเลือดสูง) และ HMG-CoA reductase inhibitors อาจมีผลยับยั้งการสร้างของ Coenzyme Q10 โดยธรรมชาติ เนื่องจาก HMG-CoA reductase ช่วยในการสร้าง Coenzyme Q10
- ระวังการใช้ร่วมกับยาลดระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากยาอาจไปยับยั้งผลของ Coenzyme Q10 ที่ได้รับเข้าไป
- ระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะอาจจะทำให้ลดความต้องการ insulin
- ระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ตับและไตทำงานผิดปกติ เพราะอาจจะเกิดการสะสมของ Coenzyme Q10 ในเลือด
เภสัชจลนศาสตร์
- onset: สำหรับการรักษา congestive heart failure รับประทานนาน 2 สัปดาห์ถึง 3 เดือนจึงจะเริ่มเห็นผลการตอบสนองการรักษา
- ระดับยาในเลือดที่ให้ผลในการรักษา (Therapeutic drug concentration):
Angina: 2.2 mcg/ml
Congestive heart failure: 2 – 2.5 mcg/ml หรือมากกว่า
ระดับยาปกติในเลือด 0.7 – 1 mcg/ml
- Time to peak: 5 – 10 ชั่วโมง (ในรูปแบบการรับประทาน)
- Bioavailability: ยาจะถูกดูดซึมอย่างช้า เนื่องจากน้ำหนักโมเลกุลมากและการละลายน้ำได้น้อย
- Distribution sites: ตับ หัวใจ ไต และตับอ่อน
- Metabolism: ถูก metabolized ที่ตับแต่ไม่ทราบปริมาณ
- Excretion: ถูกขับออกทางน้ำดี ไม่ทราบปริมาณ ทางอุจจาระ 60%
- Elimination half-life: 34 ชั่วโมง
อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา
- ผลต่อผิวหนัง: ผื่นแดงและคัน (< 0.5%)
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: คลื่นไส้ รู้สึกไม่สบายท้อง ท้องเสีย จุกแน่นท้อง และลดความอยากอาหาร (< 1%)
- ผลต่อระบบเลือด: พบ thrombocytopenia (ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ) 1 รายในผู้ป่วยที่ใช้ยา 16 รายในหนึ่งการศึกษา
- ผลต่อตับ: พบอาจเกิดความเป็นพิษต่อตับ โดยพบมีรายงานการเพิ่มขึ้นของระดับ aminotransferases ในเลือดในระดับต่ำ เมื่อมีการใช้ยาในขนาดสูง มีพบการใช้ในขนาด 300 mg ต่อวัน
- ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง: ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ พบน้อย
- ผลต่อตา: มีรายงานการเกิด photophobia (อาการกลัวแสง) ในระหว่างการใช้ Coenzyme Q10 ได้แต่พบน้อย
Drug interaction
Coenzyme Q10 - Antithrombin III Human, Heparin, Warfarin: ลดผล anticoagulant effect มีรายงานการทำให้ระดับ INR ลดลงในการใช้ Coenzyme Q10 ในผู้ป่วยที่ใช้ยา warfarin อยู่ เนื่องจาก Coenzyme Q10 และ vitamin K2 มีโครงสร้างเหมือนกัน ดังนั้นจึงควรระมัดระวังการใช้ร่วมกัน
รายการยาที่มีรายงานการเกิดปฏิกิริยาระหว่างกันกับ Coenzyme Q10 ได้แก่
Acenocoumarol, Ancrod, Anisindione, Antithrombin III Human, Bivalirudin, Danaparoid, Defibrotide, Dermatan Sulfate, Desirudin, Dicumarol, Fondaparinux, Heparin, Pentosan, Polysulfate Sodium, Phenindione, Phenprocoumon, Warfarin
หมายเหตุ
- สำหรับการใช้ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงยังมีข้อมูลจำกัด มีผู้ป่วยที่เป็น essential hypertension 26 รายได้รับ Coenzyme Q10 ขนาด 50 mg วันละ 2 ครั้ง หลังจาก 10 สัปดาห์ของการรักษาผู้ป่วยมีค่าเฉลี่ยของ systolic blood pressure ลดลงจาก 164.5 เป็น 146.7 mmHg และค่าเฉลี่ย diastolic blood pressure ลดลงจาก 98.1 เป็น 86.1 mmHg การลดลงของระดับความดันโลหิตเกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับการลด peripheral resistance แต่ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงระดับ rennin ในเลือด, ระดับโซเดียมและโพแทสเซียมในเลือดหรือในปัสสาวะ
- การใช้ Coenzyme Q10 เสริมในผู้ป่วยที่มีระดับไขมันในเลือดสูง ยังมีข้อมูลจำกัด ผลการใช้ Coenzyme Q10 ร่วมกับ HMG-CoA reductase inhibitors ผลพบว่าจะทำให้ระดับ Coenzyme Q10 ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น แต่ไม่มีผลลดระดับไขมันในเลือด
- มีการศึกษาแบบ Open, uncontrolled trial การใช้ใน Male infertility รับประทาน Coenzyme Q10 ขนาด 100 mg วันละ 2 ครั้ง จะช่วยเพิ่มการเคลื่อนที่ของ sperm แต่จะไม่เพิ่มระดับความเข้มข้นของ sperm หรือ morphology in infertile men with idiopathic asthenozoospermia จากการติดตามการใช้นาน 6 เดือน
- การใช้ใน pulmonary fibrosis พบ Coenzyme Q10 ช่วยเพิ่ม pulmonary function แต่ยังมีข้อมูลจำกัด โดยในการศึกษาใช้ Coenzyme Q10 ในผู้ป่วย COPD 21 ราย และ 9 รายในผู้ป่วย Idiopathic pulmonary fibrosis (IPF) ยาขนาด 90 mg ต่อวัน นาน 8 สัปดาห์
- การใช้ใน ventricular arrhythmia ยังมีข้อมูลจำกัด
ประโยชน์ของ CoQ10 ในรูปอาหารเสริม
โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด Cardiovascular disease
โดยปกติรางกายจะสามารถผลิต CoQ10 ขึ้นได้เอง แต่ปริมาณจะลดน้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น
หัวใจเป็นอวัยวะที่ต้องการและมีการใช้พลังงานที่สูงจึงพบว่าเป็นอวัยวะที่
เกิดกระบวนการ metabolism ที่สูงมาก การขาด CoQ10 ซึ่งเป็นสารสำคัญในการสร้างพลังงาน จึงมีผลกระทบต่อหัวใจและจะนำไปสู่สภาวะหัวใจล้มเหลว จากการศึกษาองค์ประกอบในเนื้อเยื่อหัวใจของผู้ป่วยโรคหัวใจ พบว่า 50-75% ของผู้ป่วยจะขาด CoQ10 ซึ่งการรักษาโรคหัวใจส่วนใหญ่จะละเลยการ ส่งเสริมการทำงานของหัวใจ ใน
คนไข้โรคหัวใจส่วนมากจะพบการเสื่อมของกล้ามเนื้อหัวใจอยู่ด้วย
ทั้งนี้เป็นผลมาจากการได้รับเลือดที่มีความเข้มข้นของออกซิเจนต่ำไปเลี้ยง
หรือมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ CoQ10 จะเป็นตัวป้องกัน และรักษาการเสื่อมดังกล่าวด้วยการให้สารอาหารที่จำเป็นในระดับเซลล์
จากการศึกษาในคนไข้โรคหัวใจ 424 คนระหว่างปี 1985-1993 โดยการให้รับประทาน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม CoQ10 พบว่า กว่า 87% คนไข้มีอาการดีขึ้น
ภาวะหัวใจล้มเหลวเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ (Congestive Heart Failure)
CHF คือ
สภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมักเกิดจาก
ภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูง ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ
หรือกล้ามเนื้อหัวใจโต
โดยเป็นผลมาจากกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงซึ่งวัดจากระดับของ ATP และ CoQ10 โดยในปี 1994 ได้มีการศึกษากับผู้ป่วย CHF จำนวน 641 คน ในระยะเวลา 3 เดือนพบว่า ผู้ป่วยส่วนมากมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกหนึ่งการศึกษาในผู้ป่วย CHF กว่า 2500 คน โดยแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 2 กลุ่ม โดยในกลุ่มแรกได้รับ CoQ10 อีกกลุ่มได้รับยาหลอก(Placebo) เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 12 เดือน พบว่า กว่า 80% มี
อาการดีขึ้นอย่างชัดเจน อาการบวมของข้อเท้าลดลง อาการหายใจหอบถี่ลดลง
การนอนหลับดีขึ้น เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอกซึ่งมีอาการแย่ลง
ความดันโลหิตสูง(Hypertension)
พบว่ากว่า 39% ของคนที่มีภาวะความดันโลหิตสูงจะมีระดับ CoQ10 ที่ต่ำ แต่การรับประทาน CoQ10 ไม่ได้ช่วยเฉพาะผู้ที่ขาดเท่านั้น CoQ10 ยังช่วยในกระบวนการmetabolism ที่ผิดปกติ การรับประทาน CoQ10 ช่วยลดการทำลายผนังหลอดเลือดจากอนุมูลอิสระ ช่วยลดแรงต้านทานของผนังหลอดเลือด ทำให้ประสิทธิภาพในการสูบฉีดเลือดของหัวใจดีขึ้น ลดระดับความดันโลหิตลงได้
กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง, หัวใจโต (Cardiomyopathy)
คือสภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดประสิทธิภาพในการบีบตัวสูบฉีดเลือด ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มักจะพบว่ามีการขาด CoQ10 จากการศึกษาในผู้ป่วย34รายด้วยการให้รับประทาน CoQ10 พบว่า 82%มีอาการดีขึ้น โดยวัดจากปริมาณการสูบฉีดเลือด และ Cardiac Index นอกจากนี้อัตราการรอดชีวิตในช่วง 2 ปียังสูงถึง 62% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วยวิธิปกติเพียงอย่างเดียว ซึ่งพบอัตราการรอดชีวิตในช่วง 2 ปีดังกล่าวเพียง 24 %
มะเร็ง(Cancer)
จากความสามารถในการเพิ่มภูมิต้านทานและกำจัดอนุมูลอิสระ CoQ10 จึงถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง โดยเฉพาะในการใช้ร่วมกับผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาเคมีบำบัด( Chemotherapy) ซึ่งการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวพบว่ายาเคมีบำบัดหลายชนิดเกิดพิษหรือมีผลกระทบต่อหัวใจ การให้ CoQ10 จะช่วยป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับหัวใจจากการรักษาได้
Performance Enhancing Agent
การที่ CoQ10 เป็นสารสำคัญในการสร้างพลังงาน การรับประทาน CoQ10 จึงมีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย จากการศึกษาใน กลุ่มตัวอย่าง 6 คน โดยให้รับประทาน CoQ10 เป็นระยะเวลา 4-8 สัปดาห์ พบว่าประสิทธิภาพในการออกกำลังกายดีขึ้นถึง 3-12% โดยวัดจากอัตราการเต้นของหัวใจ และประสิทธิภาพการใช้ออกซิเจน
ลดริ้วรอย ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง (Anti-aging/Skin care)
ผิวหนังมีหน้าที่ในการป้องกันสารพิษ เชื้อโรค และรังสีอัลต้าไวโอเลต(Ultraviolet) จากแสงอาทิตย์ โดยรังสีอัลตร้าไวโอเลตนี้มี 2 ชนิด คือ UVA และ UVB แต่ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดริ้วรอยจะเป็นรังสี UVA โดย UVA สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังถึงชั้นหนังแท้ และจะเริ่มต้นในการสร้างอนุมูลอิสระ (Free Radical) ซึ่งอนุมูลอิสระนี้เป็นผลิตผลที่เกิดขึ้นจากกระบวนการออกซิเดชั่น (Oxidation) อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นนี้ก็จะทำอันตรายต่อไขมัน โปรตีน และสารพันธุกรรม(DNA) ในเซลล์ผิวหนัง รวมถึงทำให้เกิดการทำลายของ คอลลาเจน(Collagen) และโครงสร้างอื่นๆของผิวหนัง สูญเสียความยืดหยุ่น ขาดความกระชับเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ CoQ10 เป็นสารต้านออกซิเดชั่น (Antioxidant) โดยจะไปป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่จะทำให้อนุมูลอิสระซึ่งจะทำอันตรายต่อผิวหนัง นอกจากนี้ CoQ10 พบมากที่ผิวหนังชั้นนอก(Epidermis)มากกว่าที่ผิวหนังชั้นใน(Dermis)ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากรังสี UVA จึงเป็นข้อดีอีกประการที่จะช่วยขจัดอนุมูลอิสระ(Free radical) ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยและความหมองคล้ำ
มีงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลของ CoQ10 ต่อการลดริ้วรอยมากมายว่าสามารถทำให้ความลึกของริ้วรอยลดลง เช่นการศึกษาของ Gerson Unna พบว่าภายหลังที่กลุ่มทดลองได้รับ CoQ10 ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ ริ้วรอยลดลงกว่า 27 % และเมื่อได้รับ CoQ10 ต่อไปเป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ริ้วรอยลดลงกว่า 43%
Other Ingredients: Rice Bran Oil, Gelatin, Vegetable Glycerin, Soy Lecithin, Titanium Dioxide Color. No Artificial Flavor or Sweetener, No Preservatives, No Sugar, No Starch, No Milk, No Lactose, No Gluten No Wheat, No Yeast, No Fish. Sodium Free.
WARNING: If you are pregnant, nursing or taking any medications, consult your doctor before use. Discontinue use and consult your doctor if any adverse reactions occur. Keep out of reach of children. Store at room temperature. Do not use if seal under cap is broken or missing.
ReadMore..http://vitaminpuritan.blogspot.com/p/co-enzyme-q10.html
Puritan’s Pride Q-Sorb™ CO Q-10 provides antioxidant support for your heart and ensures potency and purity.**
Our Q-Sorb™ CO Q-10 is hermetically sealed in rapid release softgels to provide superior absorption
Contributes to your heart and cardiovascular wellness**
Helps support blood pressure levels already within a normal range**
Promotes energy production within your heart, brain, and muscles**
Directions:
For adults, take
one (1) to six (6) softgels daily,preferably with a meal.
Other Ingredients: Rice Bran Oil, Gelatin, Vegetable Glycerin, Soy Lecithin, Titanium Dioxide Color. No Artificial Flavor or Sweetener, No Preservatives, No Sugar, No Starch, No Milk, No Lactose, No Gluten No Wheat, No Yeast, No Fish. Sodium Free.
WARNING: If you are pregnant, nursing or taking any medications, consult your doctor before use. Discontinue use and consult your doctor if any adverse reactions occur. Keep out of reach of children. Store at room temperature. Do not use if seal under cap is broken or missing.